-
เป็นคนขี้เกียจ ขี้คร้าน ไม่ทำกิจกรรมการงาน และหาวิชาความรู้ที่จะนำมาซึ่งลาภผล 1
-
ไม่รักษาทรัพย์ของตนด้วยอุบายแห่งปัญญา 1
-
เลี้ยงชีวิตด้วยความประมาททรัพย์ คือทรัพย์น้อย แต่กินมาก 1
-
คบคนพาลสันดานเป็นบาป 1
คนพาลผู้ละประโยชน์ในโลกนี้มี 4 ประการคือ
คนพาลผู้ละประโยชน์ในโลกหน้า มี 5 ประการคือ
-
ไม่มีศรัทธราในความเชื่อพระรัตนตรัย 1
-
ไม่มีศีล 5 ศีล 8 เครื่องรักษากายวาจา 1
-
ไม่มีการฟังธรรมเทศนา 1
-
ไม่มีการบริจาคทานข้าวน้ำ 1
-
ไม่มีปัญญาพิจารณาสังขาร 1
-
ลักษณะ นั้นได้แก่ มโนทุจริต 3 ความเพ่งเล็งลักของเขา ความพยาบาท ความโกธรผูกเวรเขา และความเห็นผิดจากพุทธศาสนา
-
นิมิต นั้นได้แก่ วจีทุจริต 4 คือกล่าววาจาล่อลวง อำพรางผู้อื่น กล่าวส่อเสียดยุยงให้เขาแตกร้าวกัน กล่าวคำหยาบมีด่าพ่อแม่เป็นต้น และกล่าวแต่เรื่องราวไม่มีประโยชน์
-
อุปทาน นั้นได้แก่ กายทุจริต 3 คือ ฆ่าสัตว์ที่มีชีวิตให้ตาย ลักสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง และการล่วงประเวณีที่เขาหวง
ลักษณะเครื่องหมายที่สามารถเห็นได้ชัด และรู้ว่า เป็นคนพาล ประการสำคัญที่สุด เขาสามารถที่จะกระทำความทุจริตได้ไม่อย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว
บุคคลผู้ละเสียประโยชน์ทั้ง 2 ประการดังกล่าว เรียกว่า คนพาล
อนึ่ง คนพาลมีอาการ 3 คือ ลักษณะ นิมิต และอุปทาน
ผู้เข้าคลุกคลีกับคนพาลด้วยการไปมาหาสู่ ตีสนิท ชิดชอบ จงรักภักดี เป็นเพื่อนร่วมคิดร่วมเห็น เป็นเพื่อนร่วมกินร่วมอยู่และดำเนินตามอย่าง คือทำตามข้อประพฤติของคนพาล
คนพาลมี 2 ประเภท คือ พาลภายนอก…. คนอื่นที่เป็นพาล และพาลภายใน …ตัวเราเองที่มีกายวาจาชั่ว
การคบคนพาลไม่เป็นมงคล เพราะเป็นเหตุให้ผู้คนเป็นคนเสื่อม ฉุดคร่าฐานะของตนลงให้ตกต่ำกว่าเดิมมีจิตใจเลวร้าย อันนำมาซึ่งความเดือดร้อนแห่งชีวิต
ส่วนการไม่คบคนพาลเป็นเหตุให้เจริญด้วยสรรพสมบัติ เลื่อนฐานะของตนให้ดีขึ้นกว่าเดิม มีชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ต้องเดือดร้อนนอนทุกข์ มีกาย วาจา และใจอันดีงาม ซึ่งจักนำมาซึ่งความเจริญในชีวิต
ฉะนั้นด้วยเหตุดังกล่าว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส การไม่คบคนพาลเป็นเหตุแห่งมงคลความเจริญ
ฝูงหงส์เดินหลงเข้าสู่ ฝูงกา
สีหราชเคียงโคคลา คลาดเต้า
ม้าต้นระคนลา เลวชาติ
นักปราชญ์พาลพาเคล้า สี่นี้ไฉนงาม
ที่มา: มงคลชีวิต , หลักปฏิบัติมงคล 38 ประการของคนดี ของ พระธรรมโกศาจารย์
ธรรมสภา จัดพิมพ์เผยแพร่
ภาพประกอบ :https://www.facebook.com/pages/Discover-Art-/296896040430960?sk=info&tab=page_info
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น